แชร์

เสียงในหูแบบไหนที่คุณเจอ

อัพเดทล่าสุด: 25 ก.ค. 2025
48 ผู้เข้าชม

                เสียงในหูแบบไหนที่คุณเจอ? รู้จัก "เสียงรบกวนในหู" ที่ไม่ควรมองข้าม เคยไหม? อยู่เงียบ ๆ แล้วเหมือนมีเสียงบางอย่างดังในหู ทั้งที่รอบตัวไม่มีเสียงอะไรเลย อาการนี้เรียกว่า "Tinnitus" หรือ เสียงในหู ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป


รูปแบบของเสียงในหูที่พบบ่อย

1. เสียงหึ่ง ๆ
คล้ายเสียงเครื่องยนต์เบา ๆ หรือพัดลมหมุนตลอดเวลา รบกวนความเงียบ ทำให้นอนไม่หลับหรือรู้สึกอึดอัด



2. เสียงวี๊ด ๆ ความถี่สูง
ลักษณะเหมือนเสียงไมโครเวฟ หรือเสียงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์รั่ว บางครั้งอาจดังขึ้นเมื่ออยู่ในที่เงียบสนิท

3. เสียงจี่ ๆ
คล้ายเสียงไฟฟ้าช็อตเบา ๆ หรือเสียงน้ำมันเดือด เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับประสาทหูเสื่อม


4. เสียงตุ๊บ ๆ ตามจังหวะหัวใจ
เรียกว่า Pulsatile Tinnitus เป็นเสียงที่สอดคล้องกับชีพจร บางครั้งเกี่ยวข้องกับปัญหาหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หรือเส้นเลือดผิดปกติ


5. เสียงคลิก หรือดีดเบา ๆ
บางคนได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเคาะหรือกระตุกในหู สาเหตุอาจมาจากกล้ามเนื้อเล็ก ๆ รอบหูที่กระตุกผิดปกติ

 

เสียงในหูบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ?

- หากเสียงเกิดขึ้น ชั่วคราว เช่น หลังจากไปงานคอนเสิร์ต อาจเป็นการระคายเคืองหูชั่วคราว
- แต่ถ้าเสียงในหูเกิดขึ้น นานเกิน 2-3 วัน หรือ มีความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับ
  • ความเสื่อมของประสาทหู
  • ความดันโลหิตสูง
  • ความผิดปกติของขากรรไกร (TMJ)
  • ภาวะเครียด วิตกกังวล
  • เนื้องอกที่ประสาทหู (เช่น Acoustic Neuroma - แม้จะพบได้น้อย)

 

สาเหตุของเสียงในหู

แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่เสียงในหูสามารถมีต้นตอมาจากหลายระบบในร่างกาย โดยสามารถแบ่งสาเหตุได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

1. ปัญหาเกี่ยวกับหูโดยตรง

  • หูชั้นกลางหรือหูชั้นในอักเสบ
  • ขี้หูอุดตัน
  • หูเสื่อมตามอายุ (Presbycusis)
  • หูได้รับเสียงดังมากเกินไป เช่น การฟังเพลงผ่านหูฟังเสียงดัง
2. ความผิดปกติของระบบประสาท
  • เส้นประสาทหูเสื่อม หรืออักเสบ
  • เนื้องอกประสาทหู (เช่น Acoustic Neuroma)
3. ปัญหาทางระบบไหลเวียนโลหิต
  • ความดันโลหิตสูง
  • หลอดเลือดตีบ หรือโป่งพอง
4. ปัจจัยทางจิตใจ
  • ความเครียดสะสม
  • วิตกกังวล หรือซึมเศร้า
  • นอนไม่หลับเรื้อรัง
5. ความผิดปกติของขากรรไกร (TMJ)
การบดเคี้ยวผิดปกติ หรือมีปัญหาที่ข้อขากรรไกรสามารถกระทบต่อระบบการได้ยินกลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเสียงในหูสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ได้แก่
  • ผู้สูงอายุที่ประสาทหูเสื่อมตามวัย
  • ผู้ที่ทำงานในที่มีเสียงดัง เช่น โรงงาน ดนตรี ทหาร
  • ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บทางศีรษะ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อหู เช่น aspirin, ยาปฏิชีวนะกลุ่ม aminoglycosides
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน

 

เสียงในหูอันตรายหรือไม่?

เสียงในหูในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เช่น หลังจากไปงานคอนเสิร์ต หรือเจอเสียงระเบิดเสียงดังมาก ๆ แต่หากเสียงนั้นคงอยู่นานหลายวัน หรือรบกวนการดำเนินชีวิต เช่น การนอน การทำงาน การสื่อสาร ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ

อาการเสียงในหูบางชนิด โดยเฉพาะแบบที่สอดคล้องกับจังหวะหัวใจ หรือมีร่วมกับอาการเวียนหัว หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยิน อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เช่น เนื้องอกในสมองขนาดเล็ก หลอดเลือดผิดปกติ หรือโรคประสาทเสื่อม

ผลกระทบระยะยาวของเสียงในหูที่ไม่ได้รับการดูแล
แม้เสียงในหู (Tinnitus) จะไม่ใช่ภาวะอันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่หาสาเหตุหรือรับการดูแลอย่างเหมาะสม อาการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต ดังนี้

1. คุณภาพชีวิตลดลง

เสียงรบกวนในหูที่เกิดตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ควรจะเงียบ เช่น ขณะพักผ่อน ทำสมาธิ หรือทำงาน อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หงุดหงิด
และรู้สึกหมดพลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การพูดคุย หรือการเข้าสังคมมีประสิทธิภาพลดลง


2. การนอนไม่หลับเรื้อรัง

เสียงในหูเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมีปัญหานอนไม่หลับ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเงียบสงบ เสียงที่เคยเบาอาจยิ่งชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือนอนหลับไม่ลึก ซึ่งเมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นอาการเรื้อรัง กระทบต่อทั้งสุขภาพกายและจิต

 

3. เสี่ยงภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล

การมีเสียงในหูที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเอง อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่เข้าใจตัวเอง หรือคิดว่าตนเองมีปัญหาทางจิตใจได้ เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้าอาจเกิดความเครียดสะสม และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวล ซึ่งทำให้อาการเสียงในหูยิ่งแย่ลง เป็นวงจรที่ยากจะหลุดพ้น


4. สมาธิลดลงในการทำงานหรือเรียน

เสียงรบกวนแม้จะเล็กน้อยแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา สามารถลดความสามารถในการจดจ่อ ทำให้สมาธิสั้นลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ หรือการประชุมกับผู้อื่น และยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยง่าย เบื่องาน หรือไม่อยากเข้าสังคม

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นแบบเป็นวงจร

  • เสียงในหู รบกวนการนอน
  • นอนไม่พอ ทำให้อารมณ์แปรปรวน
  • อารมณ์แย่ เสี่ยงโรคซึมเศร้า
  • ซึมเศร้า/เครียด อาการเสียงในหูยิ่งรุนแรง
  • อาการหนักขึ้น คุณภาพชีวิตลดลง

 

แนวทางการดูแลและบรรเทาอาการ
หากคุณกำลังประสบกับเสียงในหู สิ่งสำคัญอันดับแรกคือไม่ควรตกใจ แต่ควรเริ่มจากการดูแลตัวเอง และหากไม่ดีขึ้น ควรปรึกษา
แพทย์เฉพาะทาง ดังนี้

สิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
  • หลีกเลี่ยงเสียงดังจัด เช่น หูฟังเสียงสูง หรืออยู่ใกล้ลำโพง
  • นอนหลับให้เพียงพออย่างสม่ำเสมอ
  • ลดการดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือหายใจลึก
  • ฟังเสียงธรรมชาติหรือ white noise ในห้องนอน เพื่อลดความรำคาญ

 

การรักษาทางการแพทย์
  • การใช้ยา (หากเสียงรบกวนมาจากการอักเสบหรือเส้นประสาท)
  • การทำกายภาพบำบัดขากรรไกร (ในกรณีที่สาเหตุมาจาก TMJ)
  • การใช้อุปกรณ์ช่วยฟังที่มีระบบ mask เสียง
  • การทำ Tinnitus Retraining Therapy (TRT) ซึ่งเป็นวิธีฝึกสมองให้คุ้นชินกับเสียง
อย่าปล่อยให้เสียงเงียบ ทำลายสุขภาพคุณ เสียงในหูอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรงในตอนแรก แต่หากปล่อยไว้นาน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ และคุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือคนทำงานที่มีภาวะเครียดสะสม หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเสียงในหูบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก เพื่อหาสาเหตุ และวางแผนการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
อันตรายจากเสียงดัง เสี่ยงหูพังก่อนวัย
โรคประสาทหูเสื่อม
อาหารบำรุงหู
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy