เสียงในหูแบบไหนที่คุณเจอ
เสียงในหูแบบไหนที่คุณเจอ? รู้จัก "เสียงรบกวนในหู" ที่ไม่ควรมองข้าม เคยไหม? อยู่เงียบ ๆ แล้วเหมือนมีเสียงบางอย่างดังในหู ทั้งที่รอบตัวไม่มีเสียงอะไรเลย อาการนี้เรียกว่า "Tinnitus" หรือ เสียงในหู ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมีหลายรูปแบบแตกต่างกันออกไป
รูปแบบของเสียงในหูที่พบบ่อย
1. เสียงหึ่ง ๆ
คล้ายเสียงเครื่องยนต์เบา ๆ หรือพัดลมหมุนตลอดเวลา รบกวนความเงียบ ทำให้นอนไม่หลับหรือรู้สึกอึดอัด
2. เสียงวี๊ด ๆ ความถี่สูง
ลักษณะเหมือนเสียงไมโครเวฟ หรือเสียงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์รั่ว บางครั้งอาจดังขึ้นเมื่ออยู่ในที่เงียบสนิท
3. เสียงจี่ ๆ
คล้ายเสียงไฟฟ้าช็อตเบา ๆ หรือเสียงน้ำมันเดือด เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับประสาทหูเสื่อม
4. เสียงตุ๊บ ๆ ตามจังหวะหัวใจ
เรียกว่า Pulsatile Tinnitus เป็นเสียงที่สอดคล้องกับชีพจร บางครั้งเกี่ยวข้องกับปัญหาหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หรือเส้นเลือดผิดปกติ
5. เสียงคลิก หรือดีดเบา ๆ
บางคนได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเคาะหรือกระตุกในหู สาเหตุอาจมาจากกล้ามเนื้อเล็ก ๆ รอบหูที่กระตุกผิดปกติ
- หากเสียงเกิดขึ้น ชั่วคราว เช่น หลังจากไปงานคอนเสิร์ต อาจเป็นการระคายเคืองหูชั่วคราว
- แต่ถ้าเสียงในหูเกิดขึ้น นานเกิน 2-3 วัน หรือ มีความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับ
- ความเสื่อมของประสาทหู
- ความดันโลหิตสูง
- ความผิดปกติของขากรรไกร (TMJ)
- ภาวะเครียด วิตกกังวล
- เนื้องอกที่ประสาทหู (เช่น Acoustic Neuroma - แม้จะพบได้น้อย)
สาเหตุของเสียงในหู
แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่เสียงในหูสามารถมีต้นตอมาจากหลายระบบในร่างกาย โดยสามารถแบ่งสาเหตุได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1. ปัญหาเกี่ยวกับหูโดยตรง
- หูชั้นกลางหรือหูชั้นในอักเสบ
- ขี้หูอุดตัน
- หูเสื่อมตามอายุ (Presbycusis)
- หูได้รับเสียงดังมากเกินไป เช่น การฟังเพลงผ่านหูฟังเสียงดัง
- เส้นประสาทหูเสื่อม หรืออักเสบ
- เนื้องอกประสาทหู (เช่น Acoustic Neuroma)
- ความดันโลหิตสูง
- หลอดเลือดตีบ หรือโป่งพอง
- ความเครียดสะสม
- วิตกกังวล หรือซึมเศร้า
- นอนไม่หลับเรื้อรัง
การบดเคี้ยวผิดปกติ หรือมีปัญหาที่ข้อขากรรไกรสามารถกระทบต่อระบบการได้ยินกลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเสียงในหูสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ได้แก่
- ผู้สูงอายุที่ประสาทหูเสื่อมตามวัย
- ผู้ที่ทำงานในที่มีเสียงดัง เช่น โรงงาน ดนตรี ทหาร
- ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บทางศีรษะ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อหู เช่น aspirin, ยาปฏิชีวนะกลุ่ม aminoglycosides
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน
เสียงในหูอันตรายหรือไม่?
เสียงในหูในบางกรณีอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เช่น หลังจากไปงานคอนเสิร์ต หรือเจอเสียงระเบิดเสียงดังมาก ๆ แต่หากเสียงนั้นคงอยู่นานหลายวัน หรือรบกวนการดำเนินชีวิต เช่น การนอน การทำงาน การสื่อสาร ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ
อาการเสียงในหูบางชนิด โดยเฉพาะแบบที่สอดคล้องกับจังหวะหัวใจ หรือมีร่วมกับอาการเวียนหัว หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยิน อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เช่น เนื้องอกในสมองขนาดเล็ก หลอดเลือดผิดปกติ หรือโรคประสาทเสื่อม
ผลกระทบระยะยาวของเสียงในหูที่ไม่ได้รับการดูแล
แม้เสียงในหู (Tinnitus) จะไม่ใช่ภาวะอันตรายถึงชีวิต แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่หาสาเหตุหรือรับการดูแลอย่างเหมาะสม อาการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต ดังนี้
1. คุณภาพชีวิตลดลง
เสียงรบกวนในหูที่เกิดตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ควรจะเงียบ เช่น ขณะพักผ่อน ทำสมาธิ หรือทำงาน อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หงุดหงิด
และรู้สึกหมดพลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การพูดคุย หรือการเข้าสังคมมีประสิทธิภาพลดลง
2. การนอนไม่หลับเรื้อรัง
เสียงในหูเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมีปัญหานอนไม่หลับ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเงียบสงบ เสียงที่เคยเบาอาจยิ่งชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือนอนหลับไม่ลึก ซึ่งเมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นอาการเรื้อรัง กระทบต่อทั้งสุขภาพกายและจิต
3. เสี่ยงภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล
การมีเสียงในหูที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเอง อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่เข้าใจตัวเอง หรือคิดว่าตนเองมีปัญหาทางจิตใจได้ เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้าอาจเกิดความเครียดสะสม และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวล ซึ่งทำให้อาการเสียงในหูยิ่งแย่ลง เป็นวงจรที่ยากจะหลุดพ้น
4. สมาธิลดลงในการทำงานหรือเรียน
เสียงรบกวนแม้จะเล็กน้อยแต่เกิดขึ้นตลอดเวลา สามารถลดความสามารถในการจดจ่อ ทำให้สมาธิสั้นลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ หรือการประชุมกับผู้อื่น และยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยง่าย เบื่องาน หรือไม่อยากเข้าสังคม
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นแบบเป็นวงจร
- เสียงในหู รบกวนการนอน
- นอนไม่พอ ทำให้อารมณ์แปรปรวน
- อารมณ์แย่ เสี่ยงโรคซึมเศร้า
- ซึมเศร้า/เครียด อาการเสียงในหูยิ่งรุนแรง
- อาการหนักขึ้น คุณภาพชีวิตลดลง
แนวทางการดูแลและบรรเทาอาการ
หากคุณกำลังประสบกับเสียงในหู สิ่งสำคัญอันดับแรกคือไม่ควรตกใจ แต่ควรเริ่มจากการดูแลตัวเอง และหากไม่ดีขึ้น ควรปรึกษา
แพทย์เฉพาะทาง ดังนี้
สิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงเสียงดังจัด เช่น หูฟังเสียงสูง หรืออยู่ใกล้ลำโพง
- นอนหลับให้เพียงพออย่างสม่ำเสมอ
- ลดการดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือหายใจลึก
- ฟังเสียงธรรมชาติหรือ white noise ในห้องนอน เพื่อลดความรำคาญ
การรักษาทางการแพทย์
- การใช้ยา (หากเสียงรบกวนมาจากการอักเสบหรือเส้นประสาท)
- การทำกายภาพบำบัดขากรรไกร (ในกรณีที่สาเหตุมาจาก TMJ)
- การใช้อุปกรณ์ช่วยฟังที่มีระบบ mask เสียง
- การทำ Tinnitus Retraining Therapy (TRT) ซึ่งเป็นวิธีฝึกสมองให้คุ้นชินกับเสียง