ดูแลตัวเองอย่างไร? หากเป็นโรคประสาทหูเสื่อม
อัพเดทล่าสุด: 24 เม.ย. 2025
51 ผู้เข้าชม
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังฟังเพลงโปรด แต่จู่ ๆ เสียงกลับแผ่วเบาลง หรือคุณเริ่มต้องขอให้คนรอบข้างพูดซ้ำบ่อยขึ้น เพราะได้ยินไม่ชัดเจนเหมือนเดิม อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ โรคประสาทหูเสื่อม (Sensorineural Hearing Loss) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากความเสียหายของเซลล์ขนในหูชั้นในหรือเส้นประสาทหู ส่งผลให้การรับเสียงลดลง
ภาวะดังกล่าวสามารถชะลอการเสื่อมลงและปรับตัวเพื่อคงคุณภาพชีวิตที่ดีไว้ได้ บทความนี้จะอธิบายแนวทางการดูแลตนเองตามหลักการแพทย์ เพื่อช่วยลดผลกระทบของโรคและรักษาการได้ยินให้นานที่สุด ด้วย 7 วิธี ต่อไปนี้
การสัมผัสเสียงที่ดังเกินไปเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประสาทหูเสื่อมเร็วขึ้น งานวิจัยจาก National Institute on Deafness and Other Communication Disorders (NIDCD) ระบุว่าเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล (dB) สามารถทำลายเซลล์ขนในหูได้ถ้าฟังต่อเนื่องเป็นเวลานาน
1.1 หลีกเลี่ยงเสียงดัง เช่น คอนเสิร์ต การใช้เครื่องมือก่อสร้าง หรือการฟังเพลงผ่านหูฟังเสียงดังเกินไป
1.2 ใช้ที่อุดหู หรือหูฟังลดเสียงรบกวน (Noise-canceling headphones) เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
1.3 ใช้กฎ 60/60 ไม่ควรฟังเพลงเสียงดังเกิน 60% ของระดับเสียงสูงสุด และไม่ควรฟังต่อเนื่องเกิน 60 นาทีต่อครั้ง
2. ควบคุมโรคประจำตัวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมของเส้นประสาทหู
งานวิจัยจาก American Diabetes Association (ADA) พบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มเป็นโรคประสาทหูเสื่อมสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจทำให้เส้นเลือดในหูเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
2.1 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหากเป็นเบาหวาน
2.2 รักษาความดันโลหิตให้ปกติ เพราะความดันสูงอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหูไม่เพียงพอ
2.3 ลดการบริโภคเกลือและไขมันเพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิต
การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหูชั้นในได้ดีขึ้น งานวิจัยจาก Harvard Medical School พบว่าการออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น การเดินเร็วหรือปั่นจักรยาน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะการได้ยินเสื่อมในผู้สูงอายุได้
3.1 ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ
3.2หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่เพิ่มความดันในหูมากเกินไป เช่น การยกน้ำหนักที่หนักเกินไป
4. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหู
อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ขนในหู งานวิจัยจาก Journal of Nutrition, Health & Aging พบว่าสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามิน A, C, E และโอเมก้า-3 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคประสาทหูเสื่อมได้
4.1 ผักใบเขียว (เช่น ผักโขม คะน้า) อุดมไปด้วยโฟเลตที่ช่วยลดการอักเสบของเส้นประสาทหู
4.2 ปลาแซลมอนและถั่ว มีโอเมก้า-3 ที่ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
4.3 ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช่วยปกป้องเซลล์ขนจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ
5. หลีกเลี่ยงสารที่อาจทำลายประสาทหู
สารบางชนิดอาจทำให้เซลล์ประสาทหูเสื่อมเร็วขึ้น เช่น
5.1 ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycosides) และยาต้านมะเร็งบางชนิด
5.2 สูบบุหรี่ งานวิจัยจาก University of Manchester พบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคประสาทหูเสื่อมมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 1.69 เท่า
5.3 แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากอาจทำให้ประสาทหูเสื่อมเร็วขึ้น
6. ใช้อุปกรณ์ช่วยฟังหากจำเป็น
การใช้เครื่องช่วยฟังสามารถช่วยให้สมองได้รับการกระตุ้นจากเสียง ลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม งานวิจัยจาก Lancet Commission on Dementia Prevention พบว่า การใช้เครื่องช่วยฟังสามารถลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมได้ถึง 19%
6.1 เครื่องช่วยฟัง (Hearing Aid) ขยายเสียงให้ชัดขึ้นสำหรับผู้ที่ยังมีการได้ยินบางส่วน
6.2 เครื่องประสาทหูเทียม (Cochlear Implant) ใช้สำหรับผู้ที่สูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง
7. ตรวจสุขภาพหูเป็นประจำ
การตรวจสุขภาพหูอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถติดตามอาการและป้องกันการเสื่อมของประสาทหูเพิ่มเติมได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงตรวจการได้ยินปีละครั้ง
7.1 พบแพทย์หูคอจมูก (ENT) หากมีอาการผิดปกติ เช่น
- มีเสียงวิ้ง ๆ หรือเสียงดังในหู (Tinnitus)
- การได้ยินลดลงอย่างรวดเร็ว
- ฟังเสียงพูดในที่ที่มีเสียงรบกวนได้ยาก

ทางเลือกบำรุงสุขภาพหูและการได้ยินด้วยสมุนไพร
การใช้สมุนไพรในการบำรุงสุขภาพหูเป็นอีกแนวทางที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะ ตำรับสมุนไพรจีน ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายในการบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต และฟื้นฟูการทำงานของประสาทหู
1. ตำรับสมุนไพรจีน "เอ่อหลงจั๋วซือหวาน" (Er Long Zuo Ci Wan, 耳聋左慈丸)
เป็นตำรับยาจีนที่ใช้มายาวนานในการบำรุงประสาทหู ลดอาการหูอื้อ หูตึง และเสียงดังในหู (Tinnitus) โดยช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดไปยังหูชั้นใน ลดการอักเสบ และบำรุงไต ซึ่งเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินในศาสตร์แพทย์แผนจีน
สรรพคุณหลักของเอ่อหลงจั๋วซือหวาน
- บำรุงไตและระบบไหลเวียนโลหิต (ศาสตร์แพทย์จีนเชื่อว่า ไตเป็นอวัยวะที่ควบคุมการได้ยิน)
- ลดเสียงดังในหูและอาการเวียนศีรษะ
- ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาทหู
- เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยลดความเครียด ซึ่งอาจส่งผลต่ออาการเสียงดังในหู
- ฉือสือ 磁石 (Cishi) - Magnetitum ช่วยสงบจิตใจ บรรเทาอาการเวียนศีรษะ และเสริมการได้ยิน
- สูตี้หวง 熟地黄 (Shudihuang) - Radix Rehmanniae Preparata บำรุงเลือด และหยินของไต
- ซานเย่า 山药 (Shanyao) - Rhizoma Dioscoreae เสริมการทำงานของม้าม และไต
- ซานจูยหวี 山茱萸 (Shanzhuyu) - Fructus Corni บำรุงตับ และไต เพิ่มพลังหยาง
- ฝูหลิง 茯苓 (Fuling) - Poria: ขับความชื้น และช่วยการทำงานของม้าม
- หมู่ตันผี 牡丹皮 (Mudanpi) - Cortex Moutan ลดความร้อน และระบายเลือด
- เจ๋อเซี่ย 泽泻 (Zexie) - Rhizoma Alismatis ขับปัสสาวะ ลดความชื้นในร่างกาย
- จู๋เยี่ยไฉหู 柴胡 (Chaihu) - Radix Bupleuri ปรับสมดุลตับ และลดไข้
2. สมุนไพรอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพหู
นอกจากตำรับ เอ่อหลงจั๋วซือหวาน ยังมีสมุนไพรอื่นที่ช่วยบำรุงการได้ยิน เช่น
- แปะก๊วย (Ginkgo Biloba) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังหูชั้นใน ลดอาการหูอื้อ
- ขิง (Ginger) ลดอาการเวียนศีรษะ และช่วยปรับสมดุลของของเหลวในหู
- โกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงระบบประสาทและไต
- เมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seeds) อุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ประสาทหู
การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยชะลอการเสื่อมของประสาทหู แต่ยังช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ อย่ารอให้การได้ยินลดลงจนสายเกินไป เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เสียงของโลกอยู่กับคุณไปนาน ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง