อันตรายจากเสียงดัง เสี่ยงหูพังก่อนวัย
เมื่อ "ความมันส์" กลายเป็นภัยเงียบที่กระทบหูโดยไม่รู้ตัวทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเสียงมากมาย ตั้งแต่เสียงจราจร หูฟัง เสียงเพลงในร้าน ไปจนถึงเสียงเครื่องจักรในที่ทำงาน หลายคนมองว่า "แค่เสียงดัง" ไม่น่าจะมีอะไรน่ากังวล แต่ความจริงคือ เสียงเหล่านี้อาจกำลัง "ทำร้ายหูของคุณแบบไม่รู้ตัว" จนอาจทำให้ประสาทหูเสื่อมกว่าเร็วกว่าที่คิด หูไม่ได้แค่รับเสียง แต่เป็นระบบซับซ้อนที่แปลแรงสั่นสะเทือนของอากาศให้กลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าสู่สมอง เสียงจะเดินทางผ่านหูชั้นนอกกระดูกหูในหูชั้นกลาง เข้าสู่หูชั้นใน ซึ่งมี เซลล์ขนเล็ก ๆ (Hair Cells) ภายในอวัยวะคล้ายหอยโข่งที่เรียกว่า Cochlea เมื่อเสียงดังเกินไป เซลล์ขนเหล่านี้จะ หัก หรือ เสียหายถาวร ทำให้การส่งสัญญาณเสียงบกพร่อง และนี่คือสาเหตุหลักของการสูญเสียการได้ยินจากเสียง (Noise-Induced Hearing Loss) ซึ่งไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยยาหรือการพักผ่อน
หลายคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับเสียงดังที่ ผิดแต่แพร่หลาย ซึ่งยิ่งทำให้ความเสี่ยงพุ่งสูงโดยไม่รู้ตัว เช่น
- ฟังหูฟังเสียงดังแป๊บเดียว คงไม่เป็นไร
- แค่ฟังเสียง 100 dB นานเพียง 15 นาที ก็เพียงพอที่จะทำลายเซลล์หูแบบถาวร
- หูฟังไร้สาย ปลอดภัยกว่าแบบมีสาย
- ความอันตรายไม่ได้อยู่ที่สายหรือไม่สาย แต่อยู่ที่ระดับเสียงและระยะเวลาการฟัง
- หูเสื่อมเมื่อแก่ ค่อยใส่เครื่องช่วยฟังเอา
- การรอให้สูญเสียก่อนจึงรักษา เป็นการปล่อยให้สมอง เลิกคุ้นเคยกับเสียง และเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในระยะยาว
เสียงดังแค่ไหนถึงเป็นอันตราย?
หูของมนุษย์สามารถรับเสียงได้ตั้งแต่ 0 ถึงประมาณ 140 เดซิเบล (dB) แต่หากเสียงเกิน 85 เดซิเบล และได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็สามารถทำลายเซลล์ขนในหูชั้นในได้ ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณเสียงไปยังสมอง
อันตรายจากเสียงดังไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีเหมือนถูกของมีคมบาด แต่เป็นการทำลายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเซลล์ประสาทรับเสียงที่เสียหายแล้ว ไม่สามารถฟื้นตัวได้อีก ผลที่ตามมา เช่น
- ได้ยินเสียงไม่ชัดในที่มีคนพูดหลายคน
- ต้องเปิดเสียงโทรศัพท์หรือทีวีดังขึ้นเรื่อย ๆ
- ได้ยินเสียง "จี่" หรือ "วี๊ด" ในหู (Tinnitus)
- หงุดหงิดง่ายเพราะฟังไม่รู้เรื่อง
คุณอาจไม่ได้ทำงานในโรงงานหรืออยู่สนามบิน แต่พฤติกรรมต่อไปนี้ก็ทำให้หูเสื่อมได้เช่นกัน:
- ฟังเพลงผ่านหูฟังนานเกิน 1 ชั่วโมงต่อครั้ง โดยเปิดเสียงดังเกิน 60%
- อยู่ในสถานบันเทิงหรือคอนเสิร์ตบ่อยโดยไม่ใช้ที่อุดหู
- ใช้หูฟังแบบ in-ear ที่ไม่มีระบบลดเสียงรบกวน ทำให้เปิดเสียงดังโดยไม่รู้ตัว
- ทำงานที่มีเสียงดัง เช่น ก่อสร้าง, ร้านตัดผม, อู่ซ่อมรถ โดยไม่ป้องกันหู
- ติดเสียง white noise ตลอดเวลานอน โดยไม่ตั้งเวลาปิดอัตโนมัติ
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า คนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 35 ปี มีแนวโน้มสูญเสียการได้ยินจากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเสียงดังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในยุคที่หูฟังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และเสียงรอบตัวมากขึ้นทุกทิศทาง เราทุกคนจึงเสี่ยงที่จะ หูเสื่อมก่อนวัย โดยไม่รู้ตัว ทางออกไม่ใช่แค่ ปิดเสียง แต่ต้องปรับพฤติกรรม
- เพื่อลดความจำเป็นในการเปิดเสียงดัง ใช้กฎ 60/60 กับหูฟัง: ฟังไม่เกิน 60 นาที และไม่เกิน 60% ของระดับเสียง
- ตั้งเวลาพักหู
- ทุกครั้งที่ใช้หูฟังต่อเนื่องเกิน 60 นาที ควรพักหูอย่างน้อย 5-10 นาที พักหูทุกชั่วโมง เมื่อฟังเพลงหรือเล่นเกมผ่านหูฟัง
- ลดเวลาสัมผัสเสียงดัง
- หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้ที่อุดหูหรือที่ครอบหูมาตรฐานช่วยลดความเสียหาย
- หัดฟังเสียงรอบตัวในความเงียบ
- ฝึกสมองให้กลับมาคุ้นเคยกับความเงียบ ลดการพึ่งพาเสียงตลอดเวลา
- ตรวจการได้ยินเป็นประจำ โดยเฉพาะหากเคยมีอาการเสียงในหู หรือหูอื้อ